Banner

พลังทั้งแปดแห่งความเป็นผู้นำ

Something

การเป็นผู้นำในทุกวันนี้ หมายถึงบางสิ่งที่แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิงจากสิ่งที่เคยเป็นเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ความเป็นผู้นำนั้นสามารถเกิดขึ้นได้ทุกระดับชั้นภายในองค์กร ไม่ว่าใครก็ตาม หากเขาสามารถมองเห็นบางสิ่งได้อย่างชัดเจน ว่าอะไรที่จำเป็นต้องทำ และมีความเข้มแข็งที่จะเดินหน้าในสิ่งนั้น และสามารถรวบรวมทรัพยากรมาใช้ มีความคิดที่แปลกใหม่สร้างสรรค์ และบางทีอาจจะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด คือให้แรงบันดาลใจ และสนับสนุนชี้นำให้ผู้อื่นร่วมในสิ่งนั้นกับเขาด้วย เขาเหล่านั้นก็ย่อมถูกพิจารณาว่าเป็นผู้นำได้

ผู้นำที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์นั้น คือคนที่สร้างหนทางใหม่ ๆให้เกิดขึ้น และสามารถหล่อเลี้ยงให้มันเข้มแข็ง โดยทั่วไปแล้ว ผู้นำเหล่านี้จะมีแรงดึงดูดต่อผู้คน ผ่านคุณลักษณะ นิสัยใจคอ และความซื่อตรงเชื่อถือได้ ตลอดจนคุณค่าอื่น ๆในตัวของเขา ที่ทำให้ผู้คนนั้นไว้วางใจมากพอที่จะออกจากขอบเขตของความสะดวกสบาย หรือความคุ้นชินเดิมๆ และเดินตามพวกเขาไปบนหนทางที่ยังไม่เกิดขึ้นนั้น

การยืนหยัดอยู่ในความเชื่อ การมั่นคงอยู่ในความจริงแท้สัตย์ซื่อ และคุณค่าแห่งตน ในเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงที่ไม่อาจคาดเดาได้นั้น ต้องใช้ความกล้าหาญและความเข้มแข็งภายใน คนบางคนได้เรียนรู้ศิลปะของการหล่อเลี้ยงตนเอง เขาสามารถเข้าถึงทรัพยากรภายใน ที่ทำให้พวกเขามีความอดทน และก้าวเดินไปบนถนนของวิสัยทัศน์ใหม่ ๆได้

พลังที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้ มาจากสิ่งที่รู้จักกันในนามของ ราชาโยคะโบราณ ราชา นั้นหมายถึงกษัตริย์ หรือผู้มีอำนาจในการปกครอง โยคะ หมายถึงการเชื่อมโยง พลังเหล่านี้เชื่อมโยงเราเข้ากับความสามารถของเรา ที่จะเอาชนะรูปแบบเดิมๆที่มีขีดจำกัด รวมทั้งสถานการณ์ต่างๆที่เราเผชิญหน้าในบทบาทของการเป็นผู้นำของเรา



Power to Withdraw (Detached) พลังในการแยกตนเองออกมา (กลับเข้าสู่ภายใน)



พลังในการแยกตนเองออกมาจากเหตุการณ์และกลับเข้าสู่ภายในนี้ เป็นเรื่องของมุมมอง มันให้ความชัดเจนและความเยือกเย็นกับเรา รวมทั้งความสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ การดึงตนเองออกมานั้น คือการแยกตัวเองออกมา หรือก้าวห่างออกมาจากสถานการณ์ใดก็ตามที่เป็นอยู่ ออกจากแรงกระตุ้นหรือแรงดึงดูดให้เราพุ่งเข้าไปสู่สถานการณ์นั้น ซึ่งพร้อมจะดึงดูดเราเข้าไปสู่โยงใยหรือกับดักต่างๆทางความรู้สึก อารมณ์ ความสับสน หรือการเข้าไปมีปฏิสัมพันธ์ด้วย อันเป็นปฏิกิริยาที่อาจเป็นไปได้ใดๆก็ตามที่เรามีต่อสิ่งนั้น

พลังนี้คือรากฐานของความเป็นผู้นำ สิ่งที่จำเป็นต้องมีในการเข้าไปสู่อนาคตที่เราจะสร้างขึ้นนั้น คือความสามารถในการแยกตนเองออก การไม่ถูกกระทบ การเป็นอิสระจากปฏิกิริยาตอบโต้ หรือวิธีการคิด วิธีการเป็น ที่เป็นแบบเดิมๆ

ในการใช้พลังนี้ มันเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องเข้าใจว่า ฉันคือนักแสดง (actor) ที่กำลังเล่นบทบาทอยู่ ฉันกำลังเป็นผู้เล่นอยู่ในเกม ถ้าฉันเริ่มเชื่อว่าเกมนั้นเป็นเรื่องจริง และหลุดเข้าไปติดกับอยู่ในบทบาทที่เล่น ฉันก็จะสูญเสียพลังในการสร้างสรรค์ ในการให้คุณประโยชน์ และไม่เป็นอิสระที่จะสร้างเส้นทางใหม่ ๆ ทันทีที่ฉันหลุดหายเข้าไปในบทบาทเหล่านั้น ฉันก็หลงทาง การตระหนักรู้ในการเป็นนักแสดงเช่นนี้ จะทำให้ฉันเป็นอิสระ จากการติดอยู่ในธรรมเนียมหรือข้อปฏิบัติแบบเก่าๆ พลังของการแยกตนเองออกนี้ ยังทำให้แน่ใจได้ว่า ฉันจะมีความสามารถในการเข้าถึงพลังอื่น ๆที่จำเป็นสำหรับการเป็นผู้นำในทุกวันนี้ เมื่อไม่มีแผนที่สำหรับอนาคต เมื่อเรานั้นกำลังเขียนสิ่งที่เป็นรากฐานขึ้นมาใหม่อย่างแท้จริง ของวิธีการที่เราใช้ชีวิตและทำงาน เราจำเป็นต้องมีการสร้างสรรค์ได้อย่างเต็มที่ ไม่ใช่เพียงแค่การปรับ หรือการเปลี่ยนแปลงเล็กเล็กน้อยน้อย แต่การก้าวกระโดดนั้นเป็นสิ่งจำเป็น การก้าวกระโดดในวิธีการคิดที่สร้างสรรค์ และการทำให้บางสิ่งปรากฏขึ้นนั้น มีต้นกำเนิดมาจากจิตใจที่เป็นอิสระ มาจากโลกภายในที่นิ่ง เงียบ สงบ ซึ่งจะกลายเป็นที่รับสัญญาณแห่งอัจฉริยภาพ วิธีการสร้างพลังที่จะใช้เป็นเครื่องมือเช่นนี้ คือ การทำสมาธิ และการเรียนรู้อย่างเรียบง่ายที่จะเงียบสงบให้มากขึ้น พูดให้น้อยลง คิดให้น้อยลง และสร้างสมวินัยนี้ภายในตนเอง

ความเงียบ การละวาง การตรวจสอบภายใน การจดจ่อเพ่งรวม



Power to DISCRIMINATE (DISCERN) พลังในการแยกแยะ



นี่คือพลังแห่งการใช้สติปัญญาในระดับที่สูงขึ้น มันเป็นศิลปะในการเข้าถึงและรับฟังตัวตนภายในที่ล่วงรู้มากที่สุดของเรา ในการทำความเข้าใจกับสัจจะและความหลอกลวง ความถูกและความผิด ความจริงและภาพลวงตา คุณประโยชน์และการสูญเสีย

การใช้พลังนี้ทำให้เราสามารถแยกแยะได้อย่างถูกต้องแม่นยำ มันเป็นพลังของความกระจ่างชัดเจน การมองเห็นด้วยดวงตาที่ต่างออกไป การได้ยินด้วยหูที่ต่างออกไป มันเป็นความไว้วางใจต่อตัวตนที่สูงกว่าของเรา แม้ในยามที่ต้องเผชิญหน้ากับความคิดเห็นที่เป็นปฏิปักษ์ มันเป็นพลังที่จะได้ยินสิ่งที่เรารู้อยู่ในระดับลึกภายใน

พลังนี้นำมาซึ่งความสามารถในการมองเห็นแง่มุมทั้งสามของเวลา การมองไปในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ของทางเลือกและความเป็นไปได้ต่างๆ เพื่อที่จะเข้าถึงการลงมือทำที่ถูกต้องแม่นยำและดีที่สุด เรายังต้องจำไว้ด้วยว่า ในบางครั้งนั้น หนทางที่ดีที่สุด ก็คือการไม่ทำสิ่งใดเลย พลังนี้จะสนับสนุนเราให้ไม่ใช้ปฏิกิริยาตอบโต้ด้วยเช่นกัน การมีปฏิกิริยาตอบโต้นั้น หมายถึงการถูกควบคุมด้วยสิ่งกระตุ้นภายนอก และเป็นสภาพที่จะลดพลังของเรา พลังในการแยกแยะนี้เป็นดั่งเช่นช่องเปิด ที่อนุญาตให้ผู้นำนั้นออกมาจากแง่มุมที่มีขีดจำกัดของเวลาแห่งปัจจุบัน และสามารถมองเห็นความเป็นจริงของสถานการณ์ได้ในฐานะผู้สังเกตการณ์

พลังของการแยกแยะนี้ยังปลุกเรียกให้ผู้นำตระหนักว่า ตรรกะหรือเหตุผลอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอ มันส่งสัญญาณว่า ผู้นำนั้นต้องเรียนรู้ที่จะฝึกฝนและไว้วางใจพลังแห่งญาณทัศนะของเขาเองด้วย เพื่อที่จะอนุญาตให้การล่วงรู้ที่ปรากฏอยู่นั้น ไปเหนือตรรกะแห่งเหตุผล และบอกเล่าสัจจะของมันได้ ความไว้วางใจคือกุญแจสำคัญในสิ่งนี้ และยิ่งมีความไว้วางใจในตนเองมากเพียงใด ผู้นำนั้นก็จะยิ่งรู้ว่าการล่วงรู้เช่นนั้นของเขาถูกต้องแม่นยำเพียงใด

ความชัดเจน ความเรียบง่าย ความถูกต้องแม่นยำ ความไว้วางใจ



Power to Judge (Decide) พลังแห่งการตัดสิน (ตัดสินใจ)



นี่คือพลังของสัจจะ พลังของการเลือกความจริง เป็นการยืนอยู่ในความจริงแท้นั้นไม่ว่าจะอย่างไร มันเชื่อมโยงกับพลังของการแยกแยะอย่างล้ำลึก และได้รับพละกำลังจากพลังแห่งการแยกแยะ ถ้าพลังของการแยกแยะถูกนำมาใช้ได้เป็นอย่างดี และแล้ว พลังของการตัดสินใจนั้นก็จะลื่นไหลได้ง่ายดายยิ่งขึ้น แม้ว่าเราจะรู้ว่าควรทำอย่างไรจึงจะดีที่สุด แต่ถ้าเราไม่มีพลังที่จะทำในสิ่งที่รู้นั้น นั่นก็เป็นเพราะการขาดไปของพลังแห่งการตัดสินใจนี้

พลังนี้เกี่ยวข้องกับสติปัญญาด้วยเช่นกัน แต่ไม่เหมือนกันกับพลังของการแยกแยะ ซึ่งเป็นกระบวนการกลับเข้าสู่ภายใน พลังของการตัดสินใจนั้นจะแสดงออกมาภายนอก เมื่อเรามีการกระทำในสิ่งที่เรารู้ และส่งผลกระทบต่อโลก ผู้ที่ใช้พลังนี้ กำลังประกาศว่า ฉันไว้วางใจตนเอง และฉันชัดเจนว่าการกระทำของฉันนั้นถูกต้อง และจะนำมาซึ่งความสำเร็จ ฉันพร้อมที่จะยืนอยู่บนทางเลือกของฉัน และอนุญาต และรับผิดชอบต่อผลลัพธ์ที่ตามมา ฉันพร้อมที่จะยืนเพียงลำพังถ้าจำเป็น ฉันเชื่อว่าฉันกำลังมีการกระทำที่ถูกต้อง

พลังนี้เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้นำในวันนี้ เมื่อส่วนใหญ่แล้วทั้งโลกสามารถเห็นได้แต่เพียงสิ่งที่เป็นอยู่แล้ว หรือสิ่งที่ต่างออกไปเพียงเล็กน้อย มันต้องใช้พลังพิเศษจากภายในที่ไม่ธรรมดาในการแสดงจุดยืน และลงมือกระทำอย่างมุ่งมั่นในการตัดสินใจนั้น และเคลื่อนไปข้างหน้า เมื่อบางครั้งนั้นเธอเป็นเพียงคนเดียวเท่านั้นที่มองเห็นในสิ่งนั้น มันจะมีบางเวลา ที่จำเป็นจะต้องตรวจสอบภายในอีกครั้ง และเข้าถึงพลังในการแยกแยะ เพื่อที่จะทำให้แน่ใจว่าสิ่งที่เลือกนั้นยังคงถูกต้อง การยึดติดแต่เพียงวิธีการที่เลือกแล้ว ก็อาจเป็นเหมือนกระบวนการเดิมๆที่เราเคยเป็นกันมา แม้ว่าการกระทำนั้นอาจดูต่างไป แต่ธรรมเนียมปฏิบัติเดิมๆ หรือความต้องการการยอมรับและเข้ากันได้กับผู้อื่นนั้น ก็อาจกลับมาคุกคามเราได้ด้วยเช่นกัน

ความสมดุล ปัญญา การศิโรราบ ความศรัทธา



Power to Accommodate พลังของการยอมรับปรับตัว



นี่คือพลังในการยอมรับสิ่งที่เป็นอยู่ แทนที่จะร้องเพลงแห่งความผิดหวัง มันคือพลังที่รู้ว่า อนาคตนั้น ในหลาย ๆทางก็ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว และมันขึ้นอยู่กับฉัน ที่จะมีความกล้าหาญที่จะอยู่อย่างตื่นรู้ เพื่อที่จะมองเห็นมันเผยตัวออกมา ผู้นำนั้นมีสัมผัสรับรู้เกี่ยวกับทิศทาง และกลายเป็นผู้ที่ดูแลและใช้ประโยชน์จากข้อมูลและทรัพยากรทั้งหมดที่ปรากฏขึ้น ในการเติมเต็มวิสัยทัศน์นั้น

พลังนี้เป็นผลมาจากความสามารถในการอยู่ในความสงบได้ในสภาวะที่เป็นอยู่ของสิ่งต่างๆ สัมผัสได้ว่ามีแผนหรือเหตุผลบางอย่างอยู่ในสิ่งนั้น และฉันเป็นเครื่องมือที่ถ่อมตน ผู้ที่ได้รับเกียรติมากพอที่จะเล่นบทบาทบางอย่างในการเผยออกของสิ่งนี้

มันคือความเข้าใจ ว่าอะไรที่ดูเหมือนขัดขวางอยู่นั้น คือวิถีทาง อุปสรรคอะไรก็ตามที่ปรากฏขึ้น เพียงแต่กำลังบอกฉันว่า ฉันกำลังมีความคิดในวิธีเดียวกันกับที่เคยคิดมา มันคือรูปแบบของการคิดที่ติดป้ายให้กับสถานการณ์ว่าเป็นปัญหา ปัญหานั้นยังคงมีอยู่เพราะฉันมองมองเห็นว่ามันเป็นปัญหา สิ่งต่างๆแต่ละอย่างที่เรียกว่าอุปสรรคนั้น ร้องเรียกให้ฉันใส่ใจและใช้ตัวกรองหรือแว่นตาแบบใหม่ เป็นตาที่สาม ที่จะมองดูอย่างกระจ่างชัดเจนยิ่งขึ้น การใช้พลังนี้ มันสำคัญที่ฉันต้องสามารถเข้าถึงพลังพื้นฐานของการแยกตัวเองออกหรือการละวางได้ด้วย มิฉะนั้น ฉันจะติดกับอยู่ในละครหรือในเกมนั้น ในปฏิกิริยาโต้ตอบของฉัน และหลงทาง

ถ้าสายตาที่มองเห็นอนาคตที่ยั่งยืนกว่านั้นทรงพลังมากพออยู่ภายใน ฉันจะดึงดูดสิ่งต่างๆที่จำเป็นที่จะทำให้อนาคตนั้นปรากฏเป็นจริงขึ้นมาได้ ฉันเป็นเครื่องมือที่ทำให้มันเกิดขึ้น ฉันไม่ใช่ผู้ที่รู้ทุกสิ่ง ผลของพลังแห่งการยอมรับปรับตัวนี้คือความพึงพอใจอย่างลึกล้ำ เพราะอะไรที่อยู่ภายในตัวฉันนั้น ได้ส่งผลให้เกิดคุณประโยชน์ต่อสิ่งที่ปรากฏออกสู่โลกภายนอก เมล็ดพันธุ์แห่งความพึงพอใจ แน่นอนว่าจะให้ผลที่คุ้มค่า

ความยืดหยุ่น การเปิดกว้าง ความเมตตา ความนิ่มนวล



Power to Tolerate พลังแห่งความอดทน



หนทางของผู้นำนั้นไม่ใช่หนทางแห่งการเป็นที่ชื่นชอบ แม้ว่าหลายครั้งเราจะสับสนว่ามันเป็นเช่นนั้น เมื่อผู้คนรู้สึกถึงความอึดอัดไม่คุ้นเคยของการเปลี่ยนแปลง พวกเขาก็มีปฏิกิริยาต่อต้าน หรือกล่าวโทษผู้ที่พวกเขาเชื่อว่าเป็นคนที่ต้องรับผิดชอบต่อความรู้สึกอึดอัดนั้นของพวกเขา มันอาจไม่ดูสมเหตุสมผลนัก แต่เมื่อคนเรารู้สึกถูกคุกคาม เขาก็มักจะหันไปหาบางสิ่งเพื่อเอาตัวรอดเช่นนั้น

พลังของความอดทนคือพลังในการจัดการกับอะไรก็ตาม ที่ใครก็ตามส่งออกมา มันคือพลังของการมองไปได้เหนือพฤติกรรม และตระหนักถึงแรงจูงใจที่ขับเคลื่อนพฤติกรรมเหล่านั้น และสามารถจัดการกับสิ่งนั้นได้ ผู้คนที่มองหาความเป็นผู้นำจากเธอนั้น จะทดสอบเธอเช่นเดียวกับที่เด็กๆทดสอบพ่อแม่ของเขา ถ้าเธอสอบผ่านด้วยการไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบ แต่ตอบสนองต่อความต้องการในส่วนลึกของพวกเขา เธอก็จะเอาชนะความไว้วางใจจากเขาได้

พลังของความอดทนนี้ ให้การมองเห็นสิ่งใหม่ ๆที่ซ่อนอยู่ และให้ความเป็นผู้ใหญ่กับผู้นำ มันคือพลังหนุนที่อยู่ค้ำจุนภายใต้พลังแห่งการเผชิญ

ความเข้าใจ ความอดกลั้น การยอมรับ การปราศจากความกลัว



Power to Cooperate พลังแห่งความร่วมมือ



ในหลายแง่มุม พลังของความร่วมมือนี้คือผลรวมสุดท้ายของพลังทั้งหมด ผู้นำนั้นจำเป็นต้องเป็นอิสระจากกิเลส ความหลงทนงตน ความอิจฉาริษยา ความผูกพันยึดมั่น ตัณหาราคะ ความโกรธ และความโลภ ผู้นำต้องเป็นอิสระจากสิ่งใดก็ตามที่จะกีดกันเขาจากการเป็นเครื่องมือในภารกิจต่างๆ พลังของความร่วมมือ ทำให้ผู้นำสามารถก้าวเข้ามา และให้อะไรก็ตามที่จำเป็นในการทำให้งานนั้นลุล่วง

การไม่ยึดติด (Detachment) - การสัมผัสรับรู้ว่าอะไรเป็นสิ่งที่จำเป็น ความสามารถในการยืดหยุ่น และความสามารถในการปรับเปลี่ยนต่อทุกสถานการณ์และผู้คนทุกประเภท คุณสมบัติเหล่านี้ทำให้ผู้นำเป็นผู้ที่มีความเมตตาและให้คุณประโยชน์ และยื่นมือเข้ามาเมื่อมีความต้องการ นี่คือเรื่องของสภาวะผู้นำที่เกิดขึ้นได้ตามสถานการณ์ อันไปอยู่เหนือตำแหน่งและหน้าที่ สิ่งนี้เกิดขึ้นในระดับของบุคคลที่ถูกต้อง ในเวลาที่ถูกต้อง สำหรับงานที่ถูกต้อง มันคือพลังของการให้ประโยชน์โดยไม่ต้องการคำชื่นชมสรรเสริญหรือการรับรู้ เมื่อคุณค่าในตนเองของผู้นำนั้นไม่ได้วางอยู่บนพื้นฐานของตำแหน่ง สถานภาพ หรือสิ่งต่างๆภายนอกใดใด เขาหรือเธอก็สามารถปล่อยวางบทบาทได้อย่างมีความสุข เมื่อใครบางคนปรากฏขึ้นในการเข้ามาทำสิ่งนั้น ผู้นำเช่นนั้น ไม่ต้องการการแสดงออกซึ่งการยกยอสรรเสริญ หรือการขอบคุณรู้ค่าจากใคร พวกเขามั่นคงอยู่ในความเคารพตนเอง ไม่ว่าจะได้รับการสรรเสริญหรือการลดค่าใดๆ

ความเคารพ ความซื่อสัตย์ ความสอดคล้องกลมกลืน ความใจกว้าง



Power to Let Go พลังแห่งการปล่อยวาง



สิ่งนี้เป็นพลังในการละทิ้งทุกสิ่งที่เป็นโทษ ไม่มีประโยชน์ หรือไร้ค่า มันคือพลังของการปล่อยทุกสิ่ง และไม่ยึดจับสิ่งใดในอดีตไว้ในหัวใจของฉัน รวมทั้งสิ่งใดก็ตามที่ไม่มีประโยชน์ในอนาคตในจิตใจของฉัน มันคือความเข้มแข็งที่จะพูดว่า ไม่ ต่อสิ่งที่เป็นลบ การละทิ้งเช่นนี้ ต้องการความกล้าหาญ การให้อภัย ความไว้วางใจ และความบริสุทธิ์ มันหมายถึงชีวิตของฉันนั้นเริ่มต้นใหม่จากจุดนี้ไปข้างหน้า

พลังนี้เชื่อมโยงอย่างลึกล้ำกับพลังของการแยกตนเองออกมา (Withdraw) ฉันจำเป็นต้องทิ้งข้อจำกัดทั้งหมดของตัวตน มันหมายถึงการจบสิ้นสิ่งใดก็ตามที่ผู้อื่นคาดหวังจากฉัน และฉันคาดหวังจากผู้อื่น การทิ้งวิธีคิด ความเชื่อ และตัวตนที่มีขีดจำกัด เมื่อฉันปล่อยวางความคาดหวังที่ฉันมีต่อตนเองบนพื้นฐานของสิ่งที่ผู้อื่นคาดหวังจากฉัน ฉันก็สามารถมีความเข้าใจที่มากขึ้น และมีความกรุณาต่อตนเองและผู้อื่นได้มากขึ้น ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่จำเป็นสำหรับบทบาทของผู้นำ ในการวางความคาดหวังต่างๆนั้น ฉันกลับมามีอิสระที่จะทำการตัดสินใจที่เฉียบขาด และเต็มไปด้วยพลังแห่งสัจจะ แทนที่จะตกอยู่ภายใต้แรงกดดันของธรรมเนียมปฏิบัติต่างๆ

พลังนี้ทำให้ฉันคงไว้ซึ่งวิสัยทัศน์ของโลกใหม่ การใช้ชีวิตและการทำงานในวิถีทางใหม่ร่วมกัน มันดึงดูดฉันให้จบสิ้นความผูกพันยึดมั่นต่อวิถีทางของโลกนี้ ฉันจำเป็นต้องทิ้งแรงดึงดูดของอีโก้ที่มีต่อตำแหน่งที่ฉันอยู่อันมีขีดจำกัด ฉันต้องไปอยู่เหนือความคิดเห็นของผู้อื่น และทิ้งคำว่า ควร และ น่าจะ ทั้งหลาย รวมทั้งพฤติกรรมที่เป็นผลเสียต่อตนเองและผู้อื่น ฉันยังต้องปล่อยบางสิ่งที่ฉันคิดว่าฉันรู้ และคนที่ฉันคิดว่าฉันเป็นอีกด้วย พลังนี้มาพร้อมกับความสามารถในการเลือกชีวิตใหม่ และวิธีที่ดีกว่าเดิม

ความเคารพตนเอง วินัย ความเป็นบวก ความบริสุทธิ์



Power to Face พลังแห่งการเผชิญ



คุณลักษณะหลักของพลังนี้ คือความกล้าหาญและความซื่อสัตย์ สำหรับผู้นำ พลังในการเผชิญหมายถึง ไม่มีสิ่งใดน่ากลัวเกินกว่าที่จะจัดการได้ ผู้นำนั้นมีพร้อมทุกพลังที่จำเป็นในการเผชิญกับอะไรก็ตามที่เข้ามา ไม่ว่าจะเป็นความกลัว หรืออารมณ์ความรู้สึกที่ท่วมท้นอื่น ๆ การไม่เห็นคุณค่าในตนเอง การโจมตี หรือการลบหลู่จากผู้อื่น หรือสถานการณ์ที่ดูเป็นไปไม่ได้ หรือจัดการไม่ได้

พลังแห่งการเผชิญนั้น ไม่อ่อนข้อและไม่อะลุ้มอล่วยกับความไม่จริงแท้หรือความบิดเบี้ยวคดโกง ไม่ว่าจะเป็นในลักษณะนิสัยใจคอของเราเอง หรือสถานการณ์ภายนอก เพราะพลังนี้อยู่ตรงกันข้ามกับพลังแห่งความอดทน สิ่งที่ขับเคลื่อนมันคือความรัก มันนำความสมดุลมาสู่การจัดการกับสิ่งที่ชั่วร้าย

พลังนี้ไม่สามารถถูกหว่านล้อมหรือต่อรองด้วยได้ มันคืออาวุธแห่งสัจจะ และผู้นำที่ใช้อาวุธนี้ จะดำเนินการกับทุกสิ่งที่ดูว่าขัดขวางการก้าวไปข้างหน้า ไม่ว่าจะมีความกลัวเกี่ยวข้องอยู่ในสิ่งนั้นมากเพียงใด ไม่มีอะไรได้รับอนุญาตให้ซ่อนเร้น ความมืดดำ หรือสิ่งที่ถูกปกปิดไว้จะไม่ได้รับอนุญาตให้คงอยู่ นี่คือพลังของการนำแสงสว่างเข้ามาสู่สิ่งที่มองไม่เห็นที่คุกคามต่อหนทางใหม่ มันไม่ใช่ความก้าวร้าว แต่เป็นความแน่วแน่ และทรงพลัง

ความกล้าหาญ ความมั่นใจ ความมุ่งมั่น วัตถุประสงค์